เชื้อราแมว ภัยใกล้ตัวจากแมวสู่คน !

เชื้อราแมว สำหรับทาสแมว หรือคนเลี้ยงแมวมานานหลายตัวแล้วนั้น อาจจะเคยพบหรือประสบกับปัญหาเชื้อราแมว ซึ่งถือเป็นโรคในแมวที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อมีทาสแมวรายหนึ่งมีจุดแดงขึ้นเต็มตัว และหมอวินิจฉัยว่าเกิดจากเชื้อราแมว จึงทำให้โซเชียลต่างตื่นตระหนก เพราะว่าเชื้อราแมวนั้นคนสามารถติดต่อได้จากแมวที่บ้าน ถึงจะเป็นอาการติดเชื้อที่ไม่ได้ยาวนานมากนัก แต่เมื่อเป็นแล้วก็จะทิ้งจุดร่องรอยดำเอาไว้บนผิวหนังเป็นอนุสรณ์เตือนใจ ทั้งในส่วนของการรักษาก็ยังต้องมีเวลาที่ยาวนานพอสมควรอีกด้วย โดยมีโอกาสที่สามารถจะกลับมาเป็นซ้ำ ซึ่งทำให้เกิดร่องรอยรำมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งถือเป็นปัญหาหนึ่งที่ทาสแมว หรือคนเลี้ยงสัตว์ต้องตระหนักและทำความเข้าใจเป็นอย่างมาก วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับเชื้อราแมว ภัยใกล้ตัวจากแมวสู่คนกัน

เชื้อราแมว คืออะไร

เชื้อราแมว ที่สามารถ พบได้บ่อยคือเชื้อ Microsporum canis เป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่ผิวหนังของสัตว์ ซึ่งเกิดจากการที่มีความชื้นสะสม ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำงแล้วเป่าตัวแมวไม่แห้ง หรือปล่อยให้แมวเดินบนสนามหญ้าที่มีความชื้นเป็นประจำ ยิ่งมีโอกาสที่จะเป็นเชื้อราแมวได้สูง และแมวที่มีขนยาว จะมีโอกาสเป็นเชื้อราแมวได้ง่ายกว่างแมวขนสั้นด้วย ทั้งนี้เชื้อราแมวไม่ก่อให้เกิดโรค แต่ติดต่อมายังคนได้ผ่านทางการสัมผัสโดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องมีบาดแผล ได้อย่างง่ายดาย โดยพฤติกรรมที่นำไปสู่การติดเชื้อ เช่น อุ้ม กอด นอนร่วมที่นอนเดียวกัน เป็นต้น สำหรับอาการนั้นจะมีผื่นแดงขึ้นตามผิวหนัง ลักษณะเป็นวง มีขุยรอบ ๆ ค่อย ๆ ขยายเป็นวงกว้าง และรู้สึกคันตลอดเวลา หากเกาแล้วไปสัมผัสบริเวณอื่นอาจทำให้บริเวณนั้นติดเชื้อราได้ด้วยเช่นกัน สำหรับอาการของแมวที่เป็นเชื้อราแมวนั้น ก็จะสามารถสังเกตได้จาก แมวมีการเกาหรือกัดแทะบ่อย ๆ ส่วนลักษณะจะคล้ายของคนเป็นอย่างมาก

วิธีการรักษาติดเชื้อราแมว

1. พาแมวไปหาหมอ ถือเป็นวิธีแรกเลยก็ว่าได้ที่คนนิยมใช้กัน และอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร เพราะอาจจะต้องเสียเงินในส่วนของการขูดหนังไปตรวจสอบ และมีค่ายาทา แชมพูที่มีราคาสูงแต่ไม่ได้ผล และยากินนั้นก็อาจจะทำให้ค่าตับสูงมากขึ้นด้วย ซึ่งก็ต้องมีวิตามินสำหรับบำรุงตำนั่นเอง
2. ซื้อสเปรย์มาฉีด วิธีนี้ง่ายที่สุด เห็นผลเร็ว แต่ในระยะยาวไม่หาย เพราะเมื่อใช้สเปรย์ เท่ากับว่าได้เพิ่มความชื้นบนผิวหนังให้กับแมว และเมื่อฉีดแล้ว ต้องปล่อยให้แห้งเอง เหมือนทำตัวเปียกแล้วไม่เช็ด ไม่เป่าให้แห้ง ซึ่งความอับชื้นเป็นปัจจัยสำคัญของการเกิดเชื้อรา ฉีดแรก ๆ อาจจะดูดีขึ้นให้เราดีใจได้บ้าง แต่ระยะยาวไม่หายแน่นอน เสียเงินและเวลา
3. กินยา วิธีนี้เหมาะสำหรับคนไม่มีเวลา แต่ยาชนิดนี้มีราคาแพงและต้องกินติดต่อกันทุก 3 เดือนหยุด ซึ่งส่งผลเสียกับตับของแมวมากทีเดียว

ซึ่งสามารถเลือกได้ตามความเหมาะ แต่ถ้าจะให้แนะนำ คือ ไปหาสัตวแพทย์ที่ไว้วางใจได้เพื่อตรวจสอบ และจากนั้นจะได้รับคำแนะนำ เพื่อนำไปดูแลแมวและตัวเราเองด้วย ในส่วนของอาการของคนนั้น สามารถทายาได้ดังนี้

• อาการน้อย มีผื่นขึ้นไม่มาก 1-2 จุด ใช้ยาทาฆ่าเชื้อราต่อเนื่องประมาณ 3 สัปดาห์ ผื่นจะค่อย ๆ หายไป
• อาการมาก ผื่นขึ้นทั่วร่างกาย ต้องใช้ทั้งยาทาและยากินร่วมกัน ระยะเวลาในการรักษาตั้งแต่ 3 สัปดาห์ขึ้นไป

สำหรับตรงส่วนที่ได้แจ้งไปนั้น เป็นการรักษาอาการติดเชื้อ ซึ่งไม่ใช่การรักษารอยดำที่เกิดจากการติดเชื้อ และถึงแม้ว่าอาการเชื้อราจะหายแล้ว รอยดำจากเชื้อจะยังคงอยู่ โดยจะจางไปเองภายใน 2-3 เดือน และมักไม่มีแผลเป็นเกิดขึ้น ทั้งนี้พบว่าบางคนกลับเป็นนานกว่านั้น สาเหตุเพราะมีการกลับมาเป็นซ้ำซึ่งพบได้บ่อยมาก ทำให้เกิดริ้วรอยด่างดำต่อเนื่องไม่รู้จบ จึงคิดว่าเป็นอยู่นาน แต่ในความจริงเป็นการกลับมาเกิดซ้ำของเชื้อรานั่นเอง

การป้องกัน เชื้อราแมวและไม่ให้มันกลับมาเกิดซ้ำ

สำหรับการป้องกันเชื้อราแมวนั้นจะมีดังนี้

• พยายามไม่ให้แมวนั้นไปเผชิญกับความชื้น เช่น หญ้าที่มีความชื้น ที่เปียกอับชื้น ถ้าหากแมวมีตัวชื้น แนะนำให้หาผ้าเช็ด หรือเป่าให้ขนแมวแห้งให้ไวที่สุด ไม่ควรปล่อยไว้จนหายแห้งไปเอง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเกิดเชื้อแรงแมวเลยก็ว่าได้
• พาแมวไปรับแดดบ้าง อย่าให้อยู่แต่ในห้องทึบ หรือถ้าเลี้ยงแบบปิดควรเปิดหน้าให้มีแสงส่องถึง เพื่อให้แมวได้รับแดด และเชื้อราแมวยังเกลียดแสงแดดอีกด้วย ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราแมวได้เช่นกัน
• ดูแลรักษาความสะอาดที่นอนของแมวเสมอ เพราะปัสสาวะของแมวก็อาจจะทำให้เกิดเชื้อราแมวได้เช่นกัน ฉะนั้นจึงต้องหมั่นซัก เปลี่ยน หรือนำออกไปตากแดดบ่อย ๆ ก็จะช่วยฆ่าเชื้อโรค และไล่ทั้งความชื้นรวมถึงไล่กลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วย
• หากเลี้ยงหลายตัวและพบว่ามีตัวใดตัวหนึ่งมีอาการเชื้อราแมว ควรจะแยกออกจากลุ่มก่อน เพื่อป้องกันการลามไปติดตัวอื่น

สำหรับการป้องกันการเกิด เชื้อราแมว ซ้ำ ดังนี้

• ทำความสะอาดมือและอวัยวะต่าง ๆ ทุกครั้ง หลังสัมผัสกับแมว
• อาบน้ำให้แมวอย่างสม่ำเสมอ
• ทำความสะอาดสิ่งของในบ้านที่แมวได้มีการสัมผัส เช่น โซฟา หมอน พรมปูพื้น ตุ๊กตา เป็นต้น
• หากคนมีการติดเชื้อราแมวแล้ว นอกจากรักษาเจ้าของควรนำแมวไปรักษาด้วย
• ไม่ควรคลุกคลีกับแมวมากเกินไป เช่น การนอนร่วมกันบนที่นอน

ทั้งนี้นอกจากแมวแล้ว สัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น สุนัข หนู กระต่าย ก็ทำให้คนเลี้ยงติดเชื้อราได้เช่นกัน  หากมีการสัมผัสสัตว์เลี้ยงที่มีเชื้อรา จึงควรปฏิบัติให้เหมาะสมในเรื่องของความสะอาด ทั้งคนเลี้ยง สัตว์เลี้ยง และของใช้ภายในบ้าน และเชื้อราแมวยังสามารถติดต่อกับ คนสู่คนได้อีกด้วย โดยผ่านการสัมผัส และการใช้ของบางอย่างร่วมกัน อย่างเสื้อผ้า แต่อาการจะไม่ได้รุนแรงเท่ากับติดต่อจากสัตว์เลี้ยง

Credit by
Credit by
Credit by

Credit : beautyclubth.com mixlifestyles.com mixhistorys.com fashiontrendth.co petcutety.com